การทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (UT) เป็นวิธีการทดสอบแบบไม่ทำลายที่ใช้ในการตรวจสอบหาจุดบกพร่องหรือรอยความไม่ต่อเนื่องที่อยู่ภายในเนื้อวัสดุ การทดสอบโดยวิธีนี้ใช้หลักการ การส่งคลื่นเสียงความถี่สูงลงไปภายในเนื้อวัสดุ เมื่อเสียงเดินทางลงไปในเนื้อวัสดุหากมีรอยความไม่ต่อเนื่องเกิดขึ้นภายในคลื่นเสียงจะไม่สามารถเดินทางผ่านไปได้ ทำให้คลื่นเสียงสะท้อนกลับ จากนั้นภาพสัญญาณจะปรากฏขึ้นที่หน้าจอแสดงผลเพื่อบ่งบอกว่าบริเวณนั้นมีรอยความไม่ต่อเนื่องอยู่ ผู้ทำการตรวจสอบจะทำวิเคราะห์สัญญาณ และประเมินรอยความไม่ต่อเนื่องนั้นๆ การทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงถูกใช้อย่างมากในการตรวจสอบหาจุดบกพร่องภายในเนื้อวัสดุ ซึ่งวิธีนี้สามารถใช้ในการตรวจสอบวัสดุได้เกือบทุกประเภท
การตรวจสอบหาจุดบกพร่องภายในเนื้อวัสดุ
การตรวจสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงถือเป็นวิธีการทดสอบที่มีประโยชน์และถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในการตรวจสอบหาจุดบกพร่องภายในเนื้อวัสดุ โดยการตรวจสอบด้วยวิธีนี้มีเทคนิคการตรวจสอบที่หลากหลาย ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง
การทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง แบบ Conventional
การทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง แบบ Conventional ใช้คริสตัลแบบผลึกเดี่ยวในการสร้างคลื่นเสียงความถี่สูง สัญญาณภาพที่ได้รับจะเป็นภาพสัญญาณกราฟ ใช้ในการวิเคราะห์จุดบกพร่องในวัสดุ การทดสอบด้วยวิธีนี้ถูกใช้มาเป็นเวลานาน ค่อนข้างได้รับความนิยมสูง และใช้ในงานหลายประเภท เช่น
การตรวจสอบงานเชื่อม
การตรวจสอบคุณภาพในวัสดุ
การตรวจสอบงานโครงสร้าง
การตรวจสอบท่อหรือระบบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
การตรวจสอบในอุตสาหกรรมการผลิต
การตรวจสอบในอุตสาหกรรมอากาศยาน
การตรวจสอบในอุตสาหกรรมยานยนต์
การตรวจสอบระบบราง
การทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง แบบ Phased Array
การทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง แบบ Phased Array เป็นเทคโนโลยีการทดสอบที่พัฒนาต่อมาจากแบบ Conventional ซึ่งหลักการทดสอบจะมีลักษณะที่คล้ายกัน จุดที่ต่างกันคือ การทดสอบแบบ Phased Array ใช้คริสตัลแบบหลายผลึกในการสร้างคลื่นเสียงความถี่สูง ทำให้ครอบคลุมพื้นที่การตรวจสอบที่มากกว่า ภาพสัญญาณที่ได้รับจะเป็นรูปภาพ สามารถวิเคราะห์สัญญาณได้ง่ายขึ้น และชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันการทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงแบบ Phased Array เริ่มถูกใช้กันมากในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะงานเกี่ยวกับงานเชื่อม เนื่องจากสามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว และสามารถบันทึกข้อมูลการตรวจสอบได้อย่างครบถ้วน
เทคโนโลยีการทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง แบบ Phased Array ถูกพัฒนามาเพื่อนำมาทดแทนการใช้การทดสอบด้วยภาพถ่ายรังสี (RT) และการทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง แบบ Conventional UT เนื่องจากมีจุดเด่นหลายประการดังนี้
ผู้ปฏิบัติงานมีความปลอดภัย ไม่มีความเสี่ยงเรื่องรังสี
สามารถบันทึกรูปแบบสัญญาณได้ทั้งหมด
สามารถสร้างรายงานผลการตรวจสอบได้ทันที
ครอบคลุมการตรวจสอบตั้งแต่ 35-70 องศา
มีความสามารถในการตรวจพบรอยความไม้่ต่อเนื่องสูง
สามารถตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว
การทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง แบบ Time of Flight Diffraction (TOFD)
การทดสอบแบบเลี้ยวเบนคลื่นเสียงความถี่สูง (Time of Flight Diffraction, TOFD) เป็นวิธีการตรวจสอบหาจุดบกพร่องในวัสดุขั้นสูง โดยมีจุดเด่นคือสามารถวัดขนาดของจุดบกพร่องได้อย่างแม่นยำ การทดสอบด้วยวิธีนี้เริ่มเป็นที่นิยม และสามารถใช้ร่วมกับการทดสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง แบบ Phased Array เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบให้มากยิ่งขึ้น
จุดเด่นของการการทดสอบแบบเลี้ยวเบนคลื่นเสียงความถี่สูง (TOFD) ได้แก่
ครอบคลุมพื้นที่ในการตรวจสอบมาก
บันทึกข้อมูลการตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว
วัดขนาดจุดบกพร่องได้อย่างแม่นยำ
สามารถตรวจเจอรอยความไม่ต่อเนื่องได้ทุกทิศทาง
ข้อจำกัดของการตรวจสอบด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
ต้องมีการสอบเทียบอุปกรณ์ก่อนการทดสอบ
ไม่สามารถตรวจชิ้นงานที่มีรูปร่างซับซ้อนและผิวไม่เรียบได้
ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความชำนาญในการแปรผลสัญญาณ